เมนู

สมันนาคตกถา อีกกถาหนึ่ง


[985] สกวาที บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล
เป็นผู้ประกอบด้วยผล 3 หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เป็นผู้
ประกอบด้วย ผัสสะ 4 เวทนา 4 สัญญา 4 เจตนา 4 จิต 4
สัทธา 4 วิริยะ 4 สติ 4 สมาธิ 4 ปัญญา 4 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[986] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เป็น
ผู้ประกอบด้วยผล 2 หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เป็น
ผู้ประกอบด้วยผัสสะ 3 เวทนา 3 ฯลฯ ปัญญา 3 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[987] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผลเป็น
ผู้ประกอบด้วยโสดาปัตติผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผลเป็น
ผู้ประกอบด้วยผัสสะ 2 เวทนา 2 ฯ ล ฯ ปัญญา 2 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

[988] ส. บุคคลปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เป็นผู้
ประกอบด้วยโสดาปัตติผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เป็น
พระโสดาบันผู้สัตตขัตตุปรมะ ผู้โกลังโกละ ผู้เอกพีชี หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[989] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เป็น
ผู้ประกอบด้วยสกทาคามิผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เป็น
พระสกทาคามี หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[990] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เป็น
ผู้ประกอบด้วยอนาคามิผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เป็น
พระอนาคามีผู้อันตราปรินิพพายี ผู้อุปหัจจปรินิพพายี ผู้อสังขารปริ-
นิพพายี ผู้สสังขารปรินิพพายี ผู้อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[991] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เป็น
ผู้ประกอบด้วยโสดาปัตติผล หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เป็น
พระโสดาบันผู้สัตตขัตตุปรมะ ผู้โกลังโกละ ผู้เอกพีชี หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[992] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เป็น
ผู้ประกอบด้วยสกทาคามิผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เป็น
พระสกทาคามี หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[993] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผลเป็น
ผู้ประกอบด้วยโสดาปัตติผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผลเป็น
พระโสดาบ่น ผู้สัตตขัตตุปรมะ ผู้โกลังโกละ ผู้เอกพีชี หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[994] ส. ผู้ประกอบด้วยโสดาปัตติผล พึงเรียกว่า พระ-
โสดาบัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เป็นผู้

ประกอบด้วยโสดาปัตติผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผลองค์นั้นพระ-
โสดาบันก็องค์นั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[995] ส. ผู้ประกอบด้วยสกทาคามิผล พึงเรียกว่า พระ-
สกทาคามี หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล
เป็นผู้ประกอบด้วยสกทาคามิผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว
ส. ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผลองค์นั้น พระ-
สกทาคามีก็องค์นั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[996] ส. ผู้ประกอบด้วยอนาคามิผล พึงเรียกว่า พระ-
อนาคามี หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เป็น
ผู้ประกอบด้วยอนาคามิผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผลองค์นั้น พระ-
อนาคามีองค์นั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[997] ส. ผู้ประกอบด้วยโสดาปัตติผล พึงเรียกว่า พระ-
โสดาบัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เป็น
ผู้ประกอบด้วยโสดาปัตติผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผลองค์นั้น
พระโสดาบันก็องค์นั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[998] ส. ผู้ประกอบด้วยสกทาคามิผล พึงเรียกว่า พระ-
สกทาคามี หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เป็น
ประกอบด้วยสกทาคามิผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผลองค์นั้น
พระสกทาคามีก็องค์นั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

[999] ส. ผู้ประกอบด้วยโสดาปัตติผล พึงเรียกว่า พระ-
โสดาบัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผลเป็น
ผู้ประกอบด้วยโสดาปัตติผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผลองค์นั้น
พระโสดาบันก็องค์นั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[1000] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เป็นผู้
ประกอบด้วยโสดาปัตติผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เลย
โสดาปัตติผลไปแล้ว มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัต-
ผล เลยโสดาปัตติผลไปแล้ว ก็ต้องไม่กล่าวว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้
แจ้งซึ่งอรหัตผลเป็นผู้ประกอบด้วยโสดาปัตติผล.
[1001] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เลย
โสดาปัตติผลไปแล้ว แต่ยังประกอบด้วยโสดาปัตติผลนั้น หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เลย
โสดาปัตติมรรคไปแล้ว เลยสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส
ราคะที่เป็นอปายคามี โทสะที่เป็นอปายคามี โมหะที่เป็นอปายคามีไป
แล้ว แต่ยังประกอบด้วยโมหะที่เป็นอปายคามีนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[1002] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เป็น
ผู้ประกอบด้วยสกทาคามิผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เลย
สกทาคามิผลไปแล้ว มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัต-
ผล เลยสกทาคามิผลไปแล้ว ก็ต้องไม่กล่าวว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้
แจ้งซึ่งอรหัตผลเป็นผู้ประกอบด้วยสกทาคามิผล.
[1003] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เลย
สกทาคามิผลไปแล้ว แต่ยังประกอบด้วยสกทาคามิผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เลย
สกทาคามิมรรคไปแล้ว เลยกามราคะอย่างหยาบ พยาบาทอย่างหยาบ

ไปแล้ว แต่ยังประกอบด้วยพยาบาทอย่างหยาบนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[1004] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เป็น
ผู้ประกอบด้วยอนาคามิผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เลย
อนาคามิผลไปแล้ว มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัต-
ผล เลยอนาคามิผลไปแล้ว ก็ต้องไม่กล่าวว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้
แจ้งซึ่งอรหัตตผลเป็นผู้ประกอบด้วยสกทามิผล.
[1005] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เลย
อนาคามิผลไปแล้ว แต่ยังประกอบด้วยอนาคามิผลนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เลย
อนาคามิมรรคไปแล้ว เลยกามราคะอย่างละเอียด พยาบาทอย่าง
ละเอียดไปแล้ว แต่ยังประกอบด้วยพยาบาทอย่างละเอียดนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[1006] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เป็น
ผู้ประกอบด้วยโสดาปัตติผล หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เลย
โสดาปัตติผลไปแล้ว มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิ-
ผล เลยโสดาปัตติผลไปแล้ว ก็ต้องไม่กล่าวว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำ
ให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เป็นผู้ประกอบด้วยโสดาปัตติผล.
[1007] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เลย
โสดาปัตติผลไปแล้ว แต่ยังประกอบด้วยโสดาปัตติผลนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เลย
โสดาปัตติมรรคไปแล้ว เลยสักกายทิฏฐิ ฯ ล ฯ โมหะที่เป็นอปายคามี
ไปแล้ว แต่ยังประกอบด้วยโมหะที่เป็นอปายคามีนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[1008] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เป็น
ผู้ประกอบด้วยสกทาคามิผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เลย
สกทาคามิผลไปแล้ว มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. หากว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคา-
ผล เลยสกทาคามิผลไปแล้ว ก็ต้องไม่กล่าวว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้
แจ้งซึ่งอนาคามิผล เป็นผู้ประกอบด้วยสกทาคามิผล.
[1009] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เลย
สกทาคามิผลไปแล้ว แต่ยังประกอบด้วยสกทาคามิผลนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เลย
สกทาคามิมรรคไปแล้ว เลยกามราคะอย่างหยาบ พยาบาทอย่างหยาบ
ไปแล้ว แต่ยังประกอบด้วยพยาบาทอย่างหยาบนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[1010] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล เป็น
ผู้ประกอบด้วยโสดาปัตติผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล เลย
โสดาปัตติผลไปแล้ว มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคา-
มิผล เลยโสดาปัตติผลไปแล้ว ก็ต้องไม่กล่าวว่า บุคคลปฏิบัติเพื่อทำ
ให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล เป็นผู้ประกอบด้วยโสดาปัตติผล.

[1011] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล เลย
โสดาปัตติผลไปแล้ว แต่ยังประกอบด้วยโสดาปัตติผลนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล เลย
โสดาปัตติมรรคไปแล้ว เลยสักกายทิฏฐิ ฯ ล ฯ โมหะที่เป็นอปายคามี
ไปแล้ว แต่ยังประกอบด้วยโมหะที่เป็นอปายคามีนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[1012] ป. ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำได้แจ้งซึ่ง
อรหัตผลเป็นผู้ประกอบด้วยผล 3 หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล ได้ผล
3 แล้ว และไม่เสื่อมจากผล 3 นั้น มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัต-
ผล ได้ผล 3 แล้ว และไม่เสื่อมจากผล 3 นั้น ด้วยเหตุนั้นนะท่าน
จึงต้องกล่าวว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล เป็นผู้ประกอบ
ด้วยผล 3.
[1013] ป. ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่ง
อนาคามิผลเป็นผู้ประกอบด้วยผล 2 หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผลได้ผล

2 แล้ว และไม่เสื่อมจากผล 2 นั้น มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคา-
มิผล ได้ผล 2 แล้ว และไม่เสื่อมจากผล 2 นั้น ด้วยเหตุนั้นนะท่าน
จึงต้องกล่าวว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เป็นผู้ประกอบ
ด้วยผล 2.
[1014 ] ป. ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่ง
สกทาคามิผลเป็นผู้ประกอบด้วยโสดาปัตติผล หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล ได้
โสดาปัตติผลแล้ว และไม่เสื่อมจากโสดาปัตติผลนั้น มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคา-
มิผล ได้โสดาปัตติผลแล้ว และไม่เสื่อมจากโสดาปัตติผลนั้น ด้วยเหตุ
นั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล
เป็นผู้ประกอบด้วยโสดาปัตติผล.
[1015] ส. เพราะบุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล
ได้ผล 3 แล้ว และไม่เสื่อมจากผล 3 นั้น ฉะนั้น บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อ
ทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล จึงเป็นผู้ประกอบด้วยผล 3 หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะบุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล

ได้มรรค 4 แล้ว และไม่เสื่อมจากมรรค 4 นั้น ฉะนั้น บุคคลผู้ปฏิบัติ
เพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล จึงเป็นผู้ประกอบด้วยมรรค 4 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่างอย่างนั้น ฯลฯ
[1016] ส. เพราะบุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งอนา-
คามิผล ได้ผล 2 แล้ว และไม่เสื่อมจากผล 2 นั้น ฉะนั้น บุคคลผู้
ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล จึงเป็นผู้ประกอบด้วยผล 2 หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะบุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล
ได้มรรค 3 แล้ว และไม่เสื่อมจากมรรค 3 นั้น ฉะนั้น บุคคลผู้ปฏิบัติ
เพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล จึงเป็นผู้ประกอบด้วยมรรค 3 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[1017] ส. เพราะบุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิ-
ผล ได้โสดาปัตติผลแล้ว และไม่เสื่อมจากโสดาปัตติผลนั้น ฉะนั้น
บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล จึงเป็นผู้ประกอบด้วยโสดา-
ปัตติผล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะบุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิ-
ผล ได้มรรค 2 แล้ว และไม่เสื่อมจากมรรค 2 นั้น ฉะนั้น บุคคล
ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล จึงเป็นผู้ประกอบด้วยมรรค 2
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
สมันนาคตกถา อีกกถาหนึ่ง จบ

อรรถกถาอปราปิสมันนาคตกถา


ว่าด้วยเป็นผู้ประกอบอีกเรื่องหนึ่ง


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องเป็นผู้ประกอบอีกเรื่องหนึ่ง. ในเรื่องนั้น
ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดว่า บุคคลผู้ตั้งอยู่ในมรรคที่ 4 เป็นผู้ประกอบ
ด้วยผล 3 ด้วยสามารถแห่งการบรรลุ ดังนี้ ดุจลัทธิของนิกายอันธกะ
ทั้งหลายในขณะนี้ คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรอง
เป็นของปรวาที. คำที่เหลือในที่นี้ บัณฑิตพึงทราบเนื้อความโดยนัยที่
กล่าวแล้วในเรื่องว่าด้วยบุคคลผู้ประกอบด้วยผล 4 ในหนหลังนั่นแล.
อรรถกถาอปราปิสมันนาคตกถา จบ